พักหลังมานี่หลังจากทำงานหรือมีเวลาว่างด้วยความที่อยากผละสายตาออกจาก labtop ผมก็ชอบไปหยิบจับหนังสือเกี่ยวกับ Developer อ่านไปได้ซักสองสามหน้าเลยมีความคิดที่ว่าอยากจะแชร์ประสบการณ์การเป็น Productive & Good Developer ซึ่งรวบรวมประสบการณ์ที่เคยเจอมากับตัวเองและสัมผัสจากการอ่านและผู้คนรอบๆตัว

ตั้งแต่จำความได้ครั้งแรกที่จริงจังกับเรื่อง coding คือวิชา project ที่เรียนในมหาลัยซึ่งเราจะมีอาจาร์ยที่ปรึกษาส่วนตัวและวิชานี้มันจะแบ่งเป็น 3 seasons โดย ss1 เนี่ยเราจะต้องเป็นคนกำหนด project ว่าโปรเจคของเรานั้นทำอะไรได้บ้างโดยโปรเจคที่ผมทำจะใช้ Android Studio (JAVA)

ข้ามมาตอน ss2 เลยละกัน เป็น Phase ที่จะต้องลงมือทำหลังจากพรรณาให้ครูที่ปรึกษาคล้อยตาม(😂) Phase นี้จะเป็นการเลือก tools มาใช้ในโปรเจคซึ่งตอนนั้น laptop ที่ผมมีติดตัวอย่างเดียวคือ window os ตอนนั้นต้องเลือกจริงๆว่าจะใช้ window os เหมือนเดิมดีไหมหรือจะไป macos ซึ่งจุดสำคัญของเรื่องมันอยู่ที่ว่าเมื่อเราไม่มั่นใจสิ่งแรกที่เราจะทำคือขอคำแนะนำคนรอบข้างของเรา และคำตอบที่ได้นั้นแทบไม่ต้องคิด “Mac สิว่ะเพื่อนทำอะไรได้หลายอย่างกว่า Window อีก” และมันจะเป็นแบบนี้แทบทุกคนเมื่อถาม - -” ด้วยตอนนั้นหาเงินยังไม่เป็นครับยอมรับจากใจทำยังไงละอ้อนแม่ไงให้ซื้อให้และหลังจากนั้นไม่กี่วัน Ubuntu เริ่มดังขึ้นมาในกลุ่มเด็กวิศวะทุกคนบอกผม “เห้ยใช้ทำไม Mac ไป Ubuntu ดีกว่าใช้ window ลงเอาก็ได้ไม่ต้องเปลืองเงินซื้อ Mac แพงๆ” ดูมันๆ [= =”]

ที่กล่าวมาทั้งหมดผมไม่ได้บอกให้เลือกว่าจะเอา Window หรือ Mac ไม่เกี่ยวระบบปฏิบัติการอะไรเลย แต่ที่อยากจะกล่าวคือสุดท้ายแล้วเมื่อผู้คนจะชักจูงคุณให้ใช้อะไร ไม่ว่าจะเป็น Framework ตัวใหม่ ภาษาใหม่ๆ เขาจะพูดในสิ่งที่ภาษาหรือ Framework เราไม่มีอยู่ตอนนั้นและบอกข้อดีทั้งหมดที่ tools ของเขามีและเราไม่มี สุดท้ายแล้วไม่มี tools ใหนดีสำหรับทุกคนสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับคุณมันก็ไม่ได้จำเป็นว่าต้องดีสำหรับคนอื่นเสมอไป จะบอกอะไรให้ว่าภาษาเก่าๆเช่น Python Ruby ถ้าไม่นับประเทศเราต่างประเทศคนที่เป็นภาษาพวกนี้เรียกเงินได้มากกว่าภาษาใหม่ๆ เช่น JS, TS เสียอีก 😅.

สรุป

ทั้งหมดที่กล่าวมาผมไม่ได้บอกนะว่าห้ามคุณไปเรียนรู้สิ่งใหม่ๆเพราะมันแทบจะเป็นไปไม่ได้ที่ developer คนใดคนนึงจะยึดติดกับ technology เดิมได้ตลอดเวลาแต่พอเราทำงานมาถึงจุดๆนึงผมแค่อยากจะบอกไว้ว่าเราต้องทำให้มันสมดุลทั้งเรียนรู้จากสิ่งที่เรามีอยู่แล้วและเรียนรู้สิ่งใหม่ๆและต้องไม่เกิน resource ของเราเองด้วย ท้ายที่สุดแล้วเราก็ต้องเผชิญสิ่งที่ว่าเราไม่สามารถเรียนรู้ได้หมดทุกสิ่งบนโลกนี้🙂.